ความเหมือนระหว่างคณะ BBA และ EBA

Table of Contents

     แม้ว่าทั้งหลักสูตรธุรกิจและเศรษฐศาสตร์จะช่วยให้นักเรียนมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งในหลักการของการตัดสินใจทางเศรษฐกิจ เตรียมพร้อมองค์ความรู้เกี่ยวการจัดการทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด แต่ก็ยังมีในส่วนของ Core เนื้อหาหลักที่มีความแตกต่างกันดังต่อไปนี้ค่ะ

1. ภาพรวมของ BBA และ EBA

     BBA จะเน้นการเรียนเชิงปฏิบัติมากกว่าโดยจะเน้นที่การประยุกต์ใช้แนวคิดและทักษะในสถานการณ์จริง ส่วน EBA จะมุ่งเน้นทางทฤษฎีมากกว่า โดยจะเน้นที่การทำความเข้าใจหลักการพื้นฐานและการสร้างแบบจำลองเศรษฐกิจ (Economics Model)

2. เนื้อหาหลักสูตร

     BBA จะประกอบด้วยหลักสูตรวิชาบัญชี การเงิน และการตลาด ซึ่งช่วยให้ผู้เรียนมีความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการทางการเงิน พฤติกรรมผู้บริโภค และกลยุทธ์ทางการตลาด ในส่วนของ EBA จะเน้นเรียนเนื้อหาวิชาเศรษฐศาสตร์จุลภาคและมหภาค ซึ่งมุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีความเข้าใจในพฤติกรรมของผู้บริโภครายบุคคลหรือรายองค์กรในตลาด ตลอดจนพฤติกรรมของเศรษฐกิจโดยภาพรวม

3. หัวใจสำคัญ

     BBA จะเน้นเรียนเกี่ยวกับการจัดการมากกว่า โดยหลักสูตรจะเน้นที่พฤติกรรมองค์กร (Organizational Behavior) การจัดการทรัพยากรมนุษย์ (Human Resources Management) และการจัดการการดำเนินงาน (Operation managements) เป็นต้น ส่วน EBA จะเน้นเรียนเกี่ยวกับนโยบายสาธารณะ (Public Policy)  โดยหลักสูตรจะเน้นไปที่การแทรกแซงของรัฐบาลในระบบเศรษฐกิจและผลกระทบของนโยบายรัฐบาลที่มีต่อผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจ

4. คอร์สอื่นๆ ที่มักมากับหลักสูตร

    BBA ในบางหลักสูตรอาจจะเรียนครอบคลุมไปถึงหลักสูตรการเป็นผู้ประกอบการและธุรกิจระหว่างประเทศ ซึ่งจะเน้นเกี่ยวกับการสร้างและการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน ส่วน EBA ในบางหลักสูตรอาจจะเรียนครอบคลุมไปถึงหลักสูตรการค้าระหว่างประเทศ เศรษฐศาสตร์การพัฒนา หรือเศรษฐศาสตร์แรงงาน

สรุป

     โดยรวมแล้วจะเห็นว่าหลักสูตรบริหารธุรกิจมักจะเน้นการเรียนแบบปฏิบัติมากกว่า โดยเน้นที่การประยุกต์ใช้แนวคิดและทักษะในสถานการณ์จริง ในขณะที่หลักสูตรศรษฐศาสตร์จะเน้นทางทฤษฎีมากกว่า โดยเน้นที่การทำความเข้าใจหลักการพื้นฐานและการสร้างแบบจำลองระบบเศรษฐกิจค่ะ หวังว่าบทความนี้จะเป็นตัวช่วยในการตัดสินเลือกเรียนคณะที่ใช่สำหรับน้องๆ ทุกคนได้ไม่มากก็น้อยค่ะ