IELTS หรือ International English Language Testing System เป็นการสอบวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษที่ถูกยอมรับกันทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทักษะการฟัง พูด อ่านและเขียนของผู้เข้าสอบ ผลคะแนนของ IELTS นั้นสามารถนำไปใช้ได้หลายกรณี รวมไปถึงการเข้าทำงาน และการสมัครเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัย ในบทความนี้เราจะพาไปรู้จักกับข้อสอบ IELTS สอบ IELTS ยากไหม รวมไปถึงเทคนิคในการทำข้อสอบ IELTS อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อสอบ IELTS ออกอะไรบ้าง?
ข้อสอบไอเอลนั้นจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ IELTS Academic และ IELTS General Training โดยแบ่งตามวัตถุประสงค์ของการสอบ อย่างไรก็ตามการทดสอบไอเอล ทั้งสองประเภทนั้นจะมีแนวข้อสอบที่เหมือนกันโดยแบ่งเป็น 4 พาร์ทตามทักษะภาษาอังกฤษ ได้แก่ การฟัง พูด อ่าน เขียน (Listening, Speaking, Reading, and Writing) โดยแต่ละพาร์ทจะมีข้อมูลดังนี้
IELTS Academic
- Listening
จะมีเวลาในการทำทั้งหมด 30 นาที ประกอบไปด้วย 4 Recordings และคำถามทั้งหมด 40 ข้อ - Speaking
จะใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที โดยประกอบไปด้วย 3 ส่วน ได้แก่ พูดโต้ตอบเรื่องทั่วไป พูด Speech ตามหัวข้อ และพูดโต้ตอบในเรื่องที่ลึกมากขึ้น
- Reading
มีเวลาในการทำทั้งหมด 60 นาที ประกอบไปด้วย 3 บทความ และคำถามจำนวน 40 ข้อ
- Writing
มีเวลาให้ทั้งหมด 60 นาที โดยแบ่งให้เขียนเป็น 2 พาร์ทคือ การเขียนอธิบายข้อมูล และการเขียนเรียงความตอบคำถามหรือแสดงความคิดเห็น
IELTS General Training
- Listening
Listening Part ของ General Training นั้นจะมีแนวข้อสอบเหมือนกับ Academic
- Speaking
Speaking Part ของ General Training นั้นจะมีแนวข้อสอบเหมือนกับ Academic
- Reading
มีเวลาในการทำทั้งหมด 60 นาที ประกอบไปด้วย 3 บทความ และคำถามจำนวน 40 ข้อเหมือนกับ Academic แต่สำหรับ General Training นั้น บทความจะเน้นไปที่เรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตประจำวัน การทำงาน และความสนใจทั่วไปเพื่อสะท้อนถึงการใช้ภาษาในสถานการณ์จริงมากยิ่งขึ้น
- Writing
มีเวลาให้ทั้งหมด 60 นาที โดยแบ่งให้เขียนเป็น 2 พาร์ทเหมือนกับ Academic แต่สิ่งที่ให้เขียนจะต่างกันเล็กน้อย ใน General Training นั้นจะให้เขียนจดหมาย อาจเป็นการถามข้อมูลหรืออธิบายสถานการณ์ต่างๆ และในส่วนที่สองจะต้องเขียน Discuss แนวคิดหรือเรื่องที่โจทย์ให้มา ในส่วนนี้เป็นการฝึกฝนให้ผู้สอบสามารถสื่อสารผ่านการเขียนในอย่างมีประสิทธิภาพในหลายๆ สถานการณ์
ตัวอย่างข้อสอบ IELTS
สำหรับใครที่ไม่เคยเห็นหน้าตาข้อสอบ IELTS มาก่อนเลย วันนี้เราจะมาแจกตัวอย่างแนวข้อสอบ ielts ทั้ง 4 พาร์ทและแบบฝึกหัด ทั้งรูปแบบ IELTS Academic และ IELTS General อย่างละเอียด จะมีเนื้อหาและเทคนิคการทำอย่างไร เรารวบรวมมาให้แล้ว
IELTS Academic
Writing:
แบ่งเป็น 2 Tasks ได้แก่
Task 1: เขียนเรียงความอย่างน้อย 150 คำ อธิบายข้อมูลที่ให้มาซึ่งอาจมาในรูปแบบ Graph, Diagram, Table, หรือ Chart
สำหรับข้อสอบ IELTS Writing Task 1 โจทย์นี้เป็นการแสดงข้อมูลการใช้จ่ายในสินค้าแต่ละประเภทจากลูกค้าทั้งหมด 5 ประเทศ ซึ่งในการอธิบายตารางข้อมูลสามารถทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
- เริ่มต้นด้วยการบรรยายภาพรวมของตาราง โดยระบุว่าเป็นตารางแสดงสัดส่วนการใช้จ่ายของผู้บริโภคในหมวดหมู่ต่างๆ ของ 5 ประเทศในปี 2002
- อธิบายหัวข้อหลักและหมวดหมู่ของตาราง ซึ่งได้แก่ประเทศ, อาหาร/เครื่องดื่ม/ยาสูบ, เสื้อผ้า/รองเท้า และกิจกรรมนันทนาการ/การศึกษา
- เลือกข้อมูลสำคัญที่โดดเด่นมาอธิบาย เช่น ประเทศที่มีสัดส่วนการใช้จ่ายสูงสุด/ต่ำสุดในแต่ละหมวดหมู่ ความแตกต่างระหว่างประเทศ เป็นต้น
- ใช้ภาษาที่เหมาะสม เช่น ใช้ proportions หรือ percentages ในการแสดงจำนวน ใช้วลีเปรียบเทียบเช่น higher than หรือ lower than และใช้ลำดับตัวเลขเช่น highest หรือ lowest เป็นต้น
- สรุปข้อมูลสำคัญและแนวโน้มโดยรวมจากตารางอีกครั้งในย่อหน้าสุดท้าย
หลักการสำคัญของการทำข้อสอบ IELTS Writing Task 1 คือจะต้องใช้ภาษาที่ถูกต้อง ชัดเจน และมีองค์ประกอบครบถ้วน ทั้งการบรรยายภาพรวม การอธิบายรายละเอียด และการสรุปสำคัญๆ อย่างครบถ้วน
Task 2: เขียนเรียงความแสดงความคิดเห็นและตอบคำถามในหัวข้อเชิงวิชาการ อย่างน้อย 250 คำ
ทั้งสองโจทย์นี้เป็นตัวอย่างคำถามสำหรับข้อสอบ IELTS Writing Task 2 ที่ต้องการให้แสดงเราความคิดเห็นและวิเคราะห์ประเด็นที่กำหนด
โจทย์แรกถามว่า “เห็นด้วยหรือไม่กับการเพิ่มจำนวนชั่วโมงพลศึกษาในหลักสูตรการศึกษาเพื่อแก้ปัญหาสุขภาพจากภาวะน้ำหนักเกิน” โดยต้องให้เหตุผลทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้
ส่วนโจทย์ที่สองถามว่า “มีความเห็นว่าการท่องเที่ยวทำให้ภาษาอังกฤษกลายเป็นภาษาสากลที่ใช้กันมากที่สุดในโลก และบางคนคิดว่าอาจจะนำไปสู่การใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาเดียวในโลก” จงวิเคราะห์ถึงข้อดีและข้อเสียของการมีภาษาเดียวในโลก
หลักการสำคัญของการทำ IELTS Writing Task 2 คือ การเขียนแสดงความคิดเห็น โดยใช้เหตุผลและตัวอย่างประกอบ พร้อมทั้งสรุปจุดยืนของเราในบทสรุปอย่างชัดเจน นอกจากนี้ การใช้คำศัพท์และไวยากรณ์ที่หลากหลายก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการประเมินคะแนนด้วย
IELTS General
Writing:
แบ่งเป็น 2 Tasks ได้แก่
Task 1: เขียนจดหมายตอบสถานการณ์ต่างๆ โจทย์สามารถให้เขียนได้ทั้งแบบทางการ กึ่งทางการ และไม่ทางการ
โจทย์แรกเป็นการเขียนจดหมายขอโทษหัวหน้างานเนื่องจากไม่ได้เข้าร่วมการประชุมที่ทำงาน โดยโจทย์จะระบุให้
- ขอโทษที่พลาดการประชุม
- อธิบายสาเหตุที่ทำให้พลาดการประชุม
- บอกว่าจะทำอะไรเพื่อชดเชยในสิ่งที่พลาดไป
โจทย์ที่สองเป็นการเขียนจดหมายถึงเพื่อนเพื่อขอโทษที่ทำสิ่งของเสียหาย โดยโจทย์ระบุให้
- ขอโทษที่ทำให้สิ่งของเสียหาย
- อธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นจนทำให้สิ่งของเสียหาย
- บอกวิธีที่จะแก้ไขปัญหานี้
ข้อสอบ IELTS Writing Task 1 แบบ General จะเป็นการเขียนในรูปแบบจดหมาย บันทึกข้อความสั้นๆ หรือรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์หนึ่งในชีวิตประจำวัน เน้นการสื่อสารเฉพาะเรื่อง มีใจความสั้นและตรงประเด็น
Task 2: เขียนเรียงความแสดงความคิดเห็นและตอบคำถามเกี่ยวกับหัวข้อทั่วไป อย่างน้อย 250 คำ
โจทย์ข้อแรกถามว่า “เห็นด้วยหรือไม่กับการกำหนดอายุเกษียณราชการที่อายุ 65 ปี สำหรับทุกอาชีพ โดยมีความเชื่อว่าบางอาชีพควรเกษียณก่อนและได้รับบำนาญตั้งแต่อายุน้อยกว่า” โดยเราต้องแสดงเหตุผลที่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย และยกตัวอย่างประกอบ
ส่วนโจทย์ข้อที่สองเป็นการถามความคิดเห็นเกี่ยวกับวิธีการให้การศึกษาแก่เด็ก “บางคนเชื่อว่าการสอนที่บ้านดีที่สุดสำหรับพัฒนาการของเด็ก แต่บางคนคิดว่าเด็กควรได้ไปโรงเรียน” โดยเราต้องแสดงถึงข้อดีของทั้งสองวิธี และแสดงความคิดเห็นพร้อมเหตุผลประกอบ
โดยรวมจะเห็นว่าข้อสอบ IELTS Writing Task 2 ของ IELTS General Training จะเกี่ยวข้องกับประเด็นทั่วๆ ไปในชีวิตประจำวัน เนื้อหาที่ไม่จำเป็นต้องลึกซึ้งหรือซับซ้อนมากนัก แต่ต้องมีเหตุผลรองรับได้ ในขณะที่ข้อสอบ IELTS Writing Task 2 ของ IELTS Acadmic จะเป็นหัวข้อทางวิชาการต้องแสดงความคิดเห็นที่มีเหตุผลประกอบอย่างลึกซึ้ง บวกกับคำศัพท์และไวยากรณ์ที่ใช้จะต้องมีความซับซ้อนและเป็นทางการมากขึ้น
พาร์ทที่คล้ายกันระหว่างข้อสอบ IELTS Academic และ IELTS General
Reading: จะมีบทความให้อ่าน 3 บทความโดยคำถามจะอยู่ในลักษณะ Matching Headings, True/False/Not given, Yes/No/Not given, Matching Paragraph Information, Summary Completion, Sentence Completion, Multiple Choice, List Selection, Choosing a Title, Classification, Matching Sentence Endings, Table/Flowchart/Diagram Completion, Short Answer
การทำโจทย์ IELTS Reading ของ Academic และ General จะมีลักษณะคล้ายกัน แตกต่างกันที่ระดับความยากของบทอ่าน สำหรับ Academic บทอ่านจะมีความซับซ้อนและใช้ภาษาทางวิชาการมากกว่า ในขณะที่ General บทอ่านจะเป็นเรื่องทั่วไปที่ไม่ซับซ้อนมากนัก
โจทย์ลักษณะนี้คือ Matching Paragraph Information เป็นโจทย์ให้จับคู่ย่อหน้าในบทอ่านกับหัวข้อหรือประโยคสรุปใจความสำคัญที่กำหนดให้ เราสามารถทำโจทย์ประเภทนี้ได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้
- อ่านหัวข้อหรือคำถามก่อนเพื่อทำความเข้าใจสิ่งที่ต้องค้นหา
- อ่านย่อหน้าอย่างละเอียด เพื่อจับใจความสำคัญของแต่ละย่อหน้า
- จับคู่ย่อหน้ากับหัวข้อ/คำถามที่เหมาะสมที่สุด โดยพิจารณาจากใจความหลัก
โจทย์ลักษณะนี้คือ Sentence Completion เป็นโจทย์ให้เติมคำหรือวลีที่เหมาะสมลงในช่องว่างของประโยคให้ได้ใจความสมบูรณ์ตรงตามบทอ่าน เราสามารถทำโจทย์ประเภทนี้ได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้
- อ่านประโยคให้เข้าใจก่อนว่าข้อมูลที่ขาดหายไปคืออะไร
- ค้นหาข้อความในบทอ่านที่สอดคล้องกับประโยคนั้น
- เลือกคำหรือวลีที่เหมาะสมที่สุดเพื่อเติมลงในช่องว่าง
โจทย์ลักษณะนี้คือ Matching Heading เป็นโจทย์ให้จับคู่หัวข้อหรือหัวข้อย่อยที่กำหนดให้กับย่อหน้าในบทอ่านที่มีใจความสอดคล้องกันมากที่สุด เราสามารถทำโจทย์ประเภทนี้ได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้
- อ่านเนื้อเรื่องหรือย่อหน้าแต่ละย่อหน้าให้เข้าใจก่อน
- อ่านหัวข้อต่างๆ ที่กำหนดมา เพื่อทำความเข้าใจความหมาย
- จับคู่หัวข้อกับย่อหน้าที่เหมาะสมที่สุด
Listening: จะต้องฟังจากทั้ง 4 Recordings มาตอบคำถาม โดยลักษณะคำถามจะมีทั้ง Matching, Multiple Choice, Note/Form/Table Completion, Sentence/Summary Completion, Short Answer Questions, Map/Plan Labelling, และ Diagram/Flowchart Completion
Table Completion เป็นโจทย์ที่จะให้ตารางที่มีข้อมูลบางส่วนหายไป และเราจะต้องฟังข้อมูลจาก Recording เพื่อกรอกข้อมูลที่ขาดหายไปนั้นให้ครบถ้วน โดยวิธีการทำคือ เราควรฟังคำใบ้เกี่ยวกับตัวเลข ชื่อ หรือวันที่ และพยายามทำความเข้าใจโครงสร้างของตารางก่อนการฟัง เพื่อให้เราจะได้รู้ว่าควรฟังหรือมองหาข้อมูลอะไร
Map/Plan Labelling เป็นโจทย์จะได้รับแผนที่หรือแปลนซึ่งมีส่วนต่างๆ ที่ต้องการถูก Label หรือกำหนดข้อมูล โดยข้อมูลเหล่านี้จะถูกกล่าวถึงใน Recording โดยวิธีการทำคือเราควรตั้งใจฟังทิศทางต่างๆ อย่างละเอียด เพื่อเราจะได้สามารถระบุตำแหน่งบนแผนที่หรือแปลนได้อย่างถูกต้อง
Short Answer เป็นโจทย์ที่ต้องการคำตอบสั้นๆ ตามคำถามที่กำหนด ซึ่งคำตอบนั้นมีใน Recording โดยวิธีการทำคือควรฟังข้อมูลอย่างละเอียดและจดจำคำตอบที่เฉพาะเจาะจง ตั้งใจฟังคำถามให้ดีเพื่อไม่พลาดคำตอบ
Multiple Choice เป็นโจทย์ที่มีคำถามพร้อมตัวเลือกคำตอบหลายข้อโดยเรา ต้องเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดจากข้อมูลใน Recording โดยวิธีการทำคือเราควรให้ความสนใจกับรายละเอียดใน Recording และเปรียบเทียบกับตัวเลือกที่ให้มาอย่างละเอียด ระวังตัวเลือกที่ดูคล้ายคลึงกับคำตอบหรือตัวเลือกที่ไม่ได้ถูกพูดถึงในบันทึกเสียง
Sentence Completion เป็นโจทย์ที่จะให้ประโยคที่ขาดหายไปบางส่วนและเราต้องใช้ข้อมูลจาก Recording เพื่อกรอกคำที่หายไปเหล่านั้น สิ่งสำคัญในการฟังคือต้องใส่ใจกับบริบทของประโยคเพื่อเลือกคำที่เหมาะสมที่สุด
Speaking:
แบ่งเป็นทั้งหมด 3 พาร์ท ได้แก่
- คำถามเกี่ยวกับตัวเราและคำถามทั่วไป
- พูด Speech 2 นาทีเกี่ยวกับเรื่องที่ได้รับ โดยจะไม่มีการโต้ตอบจากผู้คุมสอบ
- คำถามเกี่ยวกับเรื่องที่พูดในพาร์ท 2 โดยจะให้เราแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ
IELTS Speaking จะมีหัวข้อที่หลากหลายซึ่งครอบคลุมถึงหลายด้านของชีวิตประจำวันและความสนใจส่วนบุคคล เช่น
- Advertisement
- พูดถึงโฆษณาที่ชื่นชอบและอธิบายว่าทำไมเราถึงจำโฆษณาตัวนั้นได้
- พูดคุยเกี่ยวกับโฆษณาอาหารฟาสต์ฟู้ด
- แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับโฆษณาที่ไม่ชอบ
- นึกถึงโฆษณาจากวัยเด็ก
- Art, Museums, Galleries, Drawing, Painting
- ชอบศิลปะหรือไม่ และประเภทศิลปะไหนที่ชอบ
- เรียนศิลปะที่โรงเรียนหรือไม่
- พูดถึงพิพิธภัณฑ์ที่มีอยู่ในประเทศ
- Age
- อายุที่ชอบที่สุด
- ความรู้สึกเกี่ยวกับการเติบโต
- ความหมายของวันเกิดและการเฉลิมฉลองต่างๆ
- Chatting
- การสังสรรค์กับผู้คน และหัวข้อที่ชอบพูดคุย
- ความชอบในการพูดคุยแบบ Face-to-face หรือผ่านข้อความหรือออนไลน์
สามารถฝึกพูดตามหัวข้อต่างๆ เหล่านี้เพื่อความคล่อง ฝึกใช้คำศัพท์ให้หลากหลาย ตอบอย่างตรงไปตรงมาชัดเจน และไม่ควรพูดสั้นจนเกินไป ควรให้รายละเอียดเพื่อแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจในหัวข้อนั้นๆ
- Clothes
- เสื้อผ้าที่ซื้อเมื่อเร็วๆ นี้
- เสื้อผ้าประเภทที่ชื่นชอบ
- ความชอบเสื้อผ้าแบบลำลองหรือแบบทางการ
- วิธีการเลือกเสื้อผ้าที่จะใส่
- Fashion, Shopping
- ความสำคัญของแฟชั่นและการช็อปปิ้ง
- การซื้อสิ่งของที่มีสไตล์
- ความคิดเห็นเกี่ยวกับความสำคัญของเสื้อผ้าที่ทันสมัย
- ความนิยมในการไปช็อปปิ้ง
- Film, Movies
- ประเภทของภาพยนตร์ที่เป็นที่นิยม
- ประเภทของภาพยนตร์ที่ชื่นชอบ
- ภาพยนตร์ต่างประเทศ
- ความสัมพันธ์ระหว่างเด็กและทีวี
- การไปโรงภาพยนตร์
- อิทธิพลของภาพยนตร์ต่อวัฒนธรรม
- โรงเรียน
- วิชาโรงเรียนในวัยเด็ก
- ครูที่คุณจดจำจากวัยเด็ก
- วิชาที่ชอบมากที่สุด
- การเรียนออนไลน์
ข้อดีของการฝึกทำข้อสอบ IELTS ช่วยอะไรได้บ้าง?
การฝึกทำข้อสอบ IELTS เป็นกลยุทธ์หลักในการเตรียมตัวสอบ IELTS หากเราสามารถเข้าใจแนวข้อสอบ จัดการเวลา และมีการเตรียมตัวที่ดีก็จะสามารถนำไปสู่การทำคะแนนในการทดสอบIELTS ได้มากขึ้น และประโยชน์หลักๆ จากการฝึกทำข้อสอบ IELTS มีดังต่อไปนี้
- เข้าใจรูปแบบและแนวข้อสอบ: การฝึกทำข้อสอบจะช่วยให้เรารู้แนวข้อสอบ IELTS ได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงการทำความเข้าใจกับโครงสร้างของแต่ละส่วน ไม่ว่าจะเป็นการฟัง การอ่าน การเขียน และการพูดก็จะช่วยทำให้เราสามารถทำข้อสอบได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
- จัดการเวลาได้ดีขึ้น: เมื่อเรารู้แนวข้อสอบ IELTS แน่นอนว่ามันจะทำให้เราสามารถจัดการกับเวลาที่มีอย่างจำกัดในการทำได้ดีมากขึ้น ทำให้เราสามารถตอบข้อสอบครบทุกข้อในเวลาที่กำหนด
- แม่นยำมากขึ้น: การฝึกทำข้อสอบ IELTS จนรู้แนวข้อสอบนั้นนอกจากเรื่องความเร็วในการทำแล้ว ยังทำให้เราสามารถทำข้อสอบได้แม่นยำและหลีกเลี่ยงความผิดพลาดทั่วไปได้ดียิ้งขึ้นด้วย
เทคนิคพิชิตข้อสอบ IELTS
การพิชิตข้อสอบ IELTS ไม่เพียงแต่ควรฝึกทำข้อสอบอย่างต่อเนื่องเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการมีเทคนิค แนวข้อสอบไอเอล และกลยุทธ์ที่เหมาะสมในการเตรียมตัวอีกด้วยวันนี้เราได้รวบรวมเทคนิคการทำข้อสอบ IELTS มาให้แล้ว
- ตั้งเป้าหมายคะแนนที่ต้องการ:
การมีเป้าหมายคะแนนชัดเจนจะช่วยให้เรามุ่งมั่นและมีแรงบันดาลใจในการเตรียมตัว นอกจากนี้ยังช่วยในการวางแผนการเรียนรู้และการฝึกฝนที่เป็นระเบียบมากขึ้น
- หาจุดอ่อนของตัวเอง:
เราจำเป็นต้องรู้จักจุดอ่อนของตัวเองในทั้ง 4 พาร์ทของการสอบ IELTS และใช้เวลาเพิ่มเติมในการปรับปรุงในส่วนเหล่านั้น การเน้นไปที่จุดอ่อนจะช่วยให้เราสามารถเพิ่มคะแนนโดยรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ทำข้อสอบจำลองการสอบ IELTS:
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การฝึกทำข้อสอบ IELTS นั้นก็เป็นวิธีการเตรียมตัวที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นข้อสอบ IELTS Academic หรือ General Training การทำข้อสอบจะช่วยทำให้เราได้รู้แนวข้อสอบ IELTS เกิดความคุ้นชินกับข้อสอบ และทำให้เราเข้าใจว่าต้องจัดการเวลาอย่างไร เพื่อให้ทำข้อสอบให้ทันและมีประสิทธิภาพสูงสุด
- ลงคอร์สเรียน IELTS:
อีกหนึ่งในวิธีการเตรียมตัวสอบ คือการเรียนกับผู้เชี่ยวชาญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพาร์ท IELTS Writing และ Speaking หากมีคนที่ช่วยสอนเทคนิคการทำข้อสอบ มีตัวอย่างข้อสอบ IELTS ให้และมีคนที่คอยตรวจงานเขียนและฟังการพูดของเราให้ด้วยนั้น จะทำให้การเตรียมตัวสอบเป็นไปได้ง่ายมากขึ้น รวมไปถึงพาร์ท Reading และ Listening ด้วย การได้รับ Feedback จากผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้เราปรับปรุงการเตรียมตัวในด้านการฟัง พูด อ่าน และเขียนได้อย่างเฉพาะเจาะจงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สรุปแนวข้อสอบ IELTS
ข้อสอบ IELTS นั้นไม่ว่าจะเป็น IELTS Academic หรือ General Training ก็จะประกอบไปด้วย 4 พาร์ทได้แก่ Listening, Speaking, Reading, และ Writing โดยการรู้แนวข้อสอบและฝึกทำข้อสอบ IELTS นั้นจะเป็นการเตรียมตัวที่ดีที่สุด แต่ก็ควรทำควบคู่ไปกับเทคนิคอื่นๆ ที่ได้แนะนำไปในบทความนี้ และการฝึกทำตัวอย่างข้อสอบ IELTS พร้อมเฉลยด้วย หากทำตามนี้แล้ว มั่นใจได้เลยว่าจะสามารถทำข้อสอบ IELTS ได้มากขึ้นแน่นอน
คอร์สติวสอบ IELTS ที่ EngSnack
ในส่วนของ EngSnack นั้นเราก็มีคอร์สติว IELTS เหมือนกัน โดยคอร์สมีชื่อว่า Intensive IELTS โดยจะเป็นคอร์สที่มุ่งเน้นไปในการสอบ IELTS Academic มีระยะเวลาการเรียนทั้งหมด 38 ชั่วโมง ในคอร์สนี้จะอัดแน่นเนื้อหาทั้ง 4 พาร์ท (Listening, Reading, Writing, Speaking) โดยจะมีการสอนเทคนิคการทำข้อสอบ แนวข้อสอบ IELTS และได้ฝึกทำข้อสอบ IELTS จริงๆ ด้วย