ในยุคนี้การแข่งขันเข้ามหาวิทยาลัยภาคอินเตอร์มีความสูงมาก จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าการมีคะแนน SAT ที่สูงและโดดเด่นจึงเป็นปัจจัยที่สำคัญมาก ในบทความนี้พี่จะพามาดูเรื่องที่ต้องรู้ตั้งแต่การสมัครสอบ SAT รูปแบบข้อสอบ ไอเท็มที่ต้องเตรียมไปในวันสอบ Digital SAT สอบกี่ชั่วโมง ไปจนถึงการแนวทางการเตรียมตัวสอบ Digital SAT อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อคว้าคะแนนที่น้องต้องการ ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย!
1. รูปแบบข้อสอบ SAT
ข้อสอบ SAT แบ่งเป็น 2 ส่วนหลักคือ คณิตศาสตร์ (Math) และ การอ่านและเขียน (Reading and Writing) ซึ่งปัจจุบันข้อสอบ SAT ได้เปลี่ยนไปใช้รูปแบบดิจิทัล ทำให้ผู้เข้าสอบต้องทำข้อสอบผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น แท็บเล็ตหรือโน้ตบุ๊ก ผ่านแอปพลิเคชั่น Bluebook
ข้อสอบดิจิทัล SAT ยังเป็นแบบ Adaptive แบ่งเป็น 2 ส่วนย่อยหรือ “Module” ทุกคนจะได้รับข้อสอบเดียวกันใน Module 1 แบะผลจากการทำข้อสอบใน Module 1 จะกำหนดความยากง่ายของข้อสอบใน Module 2 ถ้าข้อสอบใน Module 2 ยากขึ้น คะแนน SAT ของแต่ละข้อจะมีน้ำหนักมากขึ้น แต่หากข้อสอบง่ายลง คะแนนที่ได้จะน้อยลงตามไปด้วย
สำหรับรายละเอียดเนื้อหาของข้อสอบที่ควรรู้มีดังต่อไปนี้:
SAT Math จะครอบคลุมตั้งแต่เนื้อหาพื้นฐานคณิตศาสตร์ไปจนถึงเนื้อหาระดับสูง เช่น พีชคณิต ฟังก์ชัน เรขาคณิต ตรีโกณมิติ และการวิเคราะห์ข้อมูล มีข้อสอบรวมทั้งหมด 44 ข้อ แบ่งออกเป็น 2 Module โดยแต่ละ Module มี 22 ข้อ (มีข้อสอบ Pre-test อีก 2 ข้อซึ่งไม่ถูกนำมาคิดคะแนนแต่จะใช้เพื่อประเมินระดับความยากของข้อสอบใน Module ต่อไป) จะได้เวลาทำข้อสอบรวม 70 นาที แบ่งเท่าๆ กันในแต่ละ Module คือ 35 นาที โดยเฉลี่ยต่อข้อประมาณ 1.59 นาที
SAT Verbal ประกอบด้วยส่วนของการอ่าน (Reading) ที่ทดสอบความสามารถในการเข้าใจและวิเคราะห์เนื้อหาจากข้อความต่างๆ และส่วนของการเขียนและไวยากรณ์ (Writing and Language) ที่ทดสอบความเข้าใจในกฎของไวยากรณ์และการใช้ภาษา มีข้อสอบรวมทั้งหมด 54 ข้อ แบ่งออกเป็น 2 Module โดยแต่ละ Module มี 27 ข้อ (มีข้อสอบ Pre-test อีก 2 ข้อซึ่งไม่ถูกนำมาคิดคะแนนแต่จะใช้เพื่อประเมินระดับความยากของข้อสอบใน Module ต่อไป) จะได้เวลาทำข้อสอบรวม 64 นาที แบ่งเท่าๆ กันในแต่ละ Module คือ 32 นาที โดยเฉลี่ยต่อข้อประมาณ 1.19 นาที
รวมระยะเวลาการสอบทั้งหมดคือ 2 ชั่วโมง 14 นาที
2. ขั้นตอนการลงทะเบียนสอบ SAT
การลงทะเบียนสอบ SAT นั้นจะทำผ่านเว็บไซต์ของ College Board (www.collegeboard.org) ซึ่งผู้ที่ต้องการสอบจะต้องเข้าไปสมัครสมาชิกในเว็บไซต์ก่อน หลังจากนั้นค่อยดูรอบสอบที่ต้องการ และทำการสมัครสอบ SAT โดยจะต้องมีการใช้เอกสาร 3 อย่างหลักๆ ได้แก่
- บัตรประชาน
- บัตรเครดิต
- ไฟล์รูปถ่ายของตัวเองที่เตรียมไว้ในคอมพิวเตอร์
หลังจาก Log in เข้าไปในเว็บไซต์ น้องสามารถทำขั้นตอนดังต่อไปนี้ได้เลย
- เลือกวันสอบและสถานสอบที่สอบ
- อัพโหลดรูปภาพ
- รีวิวข้อมูลและชำระเงิน
หลังจากสมัครเรียบร้อยแล้ว ข้อมูลการสมัคร สถานที่สอบ Digital SAT เริ่มสอบกี่โมง และสอบเสร็จกี่โมงนั้นจะปรากฎอยู่ในเว็บไซต์ที่ทำการสมัครเลย
3. เทคนิคเตรียมตัวก่อนสอบ SAT ด้วยตัวเอง
นอกเหนือจากการลงคอร์สติวก่อนสอบแล้ว เรายังสามารถเตรียมตัวสอบ SAT ด้วยตัวเองได้ด้วย โดยมีวิธีที่ทำได้ ดังนี้
3.1) กำหนดคะแนนเป้าหมายของตัวเอง
การกำหนดเป้าหมายสำหรับการสอบ SAT เป็นขั้นตอนแรกและหนึ่งในขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการเตรียมตัวสอบ SAT การตั้งเป้าหมายไม่เพียงแต่ทำให้น้องมีภาพที่ชัดเจนในการเตรียมตัวเท่านั้น แต่ยังช่วยให้น้องวางแผนการทำตารางติวสอบให้เหมาะสมกับเป้าของน้องได้อีกด้วย ซึ่งการกำหนดเป้าหมายคะแนน SAT น้องอาจพิจารณาจากช่วงคะแนน SAT ที่คณะที่เราต้องการเข้ากำหนดเกณฑ์ออกมา หรือคะแนนที่น้องอยากจะได้
3.2) ทำตารางติวสอบ SAT
การทำตารางติวสอบ SAT เป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญในการเตรียมสอบที่จะช่วยให้น้องจัดสรรเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ น้องควรเริ่มจากการประเมินเวลาที่มีก่อนจะถึงวันสอบ จะได้รู้ว่า SAT จะต้องเตรียมตัวกี่เดือน จากนั้นให้กำหนดเป้าหมายระยะสั้น เช่นรายสัปดาห์หรือรายเดือนเพื่อทำให้น้องสามารถดูความคืบหน้าและสามารถปรับเปลี่ยนแผนการอ่านได้ตามสถานการณ์และความเหมาะสม นอกจากจะแบ่งเวลาในการทบทวนเนื้อหาแล้ว อย่าลืม! แบ่งเวลาสำหรับการทำแบบฝึกหัด การทวนข้อผิดพลาด การทำ Mock Test และที่สำคัญการรวมช่วงเวลาพักด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าน้องๆ จะไม่เหนื่อยจนเกินไป
3.3) ฝึกทำข้อสอบบ่อยๆ ให้เคยชิน
การฝึกทำข้อสอบ SAT บ่อยๆ เพื่อให้เกินความเคยชินเป็นเทคนิคสำคัญในการเตรียมตัวสอบเพราะน้องจะสามารถจัดการเวลาในการทำข้อสอบได้ดีขึ้น มีความคุ้นเคยกับรูปแบบข้อสอบและเพิ่มความมั่นใจในการทำข้อสอบจริง น้องควรฝึกทำ Practice Test บ่อยๆ จากหนังสือเตรียมตัวสอบ Sat ที่มีหลากหลายและสำคัญที่สุดคือฝึกจับเวลาเพื่อเลียนแบบการสอบที่มีเงื่อนไขเวลาที่จำกัด รวมถึงหมั่นทวนคำตอบและทำความเข้าใจข้อที่น้องตอบผิดเพื่อป้องการทำผิดพลาดซ้ำในอนาคต
3.4) เรียนรู้จุดอ่อนของตัวเอง เพื่อนำไปพัฒนา
การเรียนรู้และพัฒนาจากจุดอ่อนของตัวเป็นส่วนสำคัญในการเตรียมตัวสอบ SAT ด้วยตัวเองอย่างมีประสิทธิภาพ การเข้าใจถึงจุดอ่อนของตัวเองจะช่วยให้น้องสามารถโฟกัสจุดที่น้องต้องพัฒนาเพิ่มซึ่งจำเป็นต่อการเพิ่มคะแนนให้สูงขึ้น หลังจากทำข้อสอบแต่ละชุดอย่าลืมใช้เวลาดูคำตอบที่ผิดพลาดเพื่อพยายามทำความเข้าใจว่าทำไมน้องถึงตอบข้อนั้นผิด อาจจะเป็นเพราะ น้องไม่แม่นเนื้อหา หรือเป็นเรื่องความรอบคอบในการอ่านโจทย์ เป็นต้น จากนั้นให้น้องจดบันทึกเรื่องที่น้องต้องปรับปรุงไว้และวางแผนฝึกฝนในจุดนั้นๆ อย่างต่อเนื่อง หลังจากที่น้องได้ทุ่มเทกับการพัฒนาทักษะที่อ่อนมาซักระยะเวลาหนึ่ง ให้น้องทดสอบและประเมินตัวเองอีกครั้งเพื่อประเมินว่าน้องได้พัฒนาขึ้นมากแค่ไหน
3.5) ทบทวนเนื้อหาที่สำคัญอย่างสม่ำเสมอ เรียนรู้กลยุทธ์การทำข้อสอบ
การทบทวนเนื้อหาและเรียนรู้กลยุทธ์การทำข้อสอบอย่างสม่ำเสมอเป็นสองปัจจัยหลักที่จะช่วยให้น้องเพิ่มคะแนน SAT ได้ตามเป้าหมาย เพราะการทบทวนเนื้อหาจะทำให้น้องมีความเข้าใจกับเนื้อหามากขึ้นและการฝึกกลยุทธ์จะช่วยให้น้องทำข้อสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการสอบที่มีเวลาจำกัด
น้องอาจให้ความสำคัญกับเนื้อหาที่น้องรู้สึกว่ายากเป็นพิเศษ การทบทวนเนื้อหาเหล่านั้นบ่อยๆ จะช่วยให้น้องมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้น ควรเลือกทบทวนจากหนังสือเตรียมตัวสอบ Sat หรือเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ ในส่วนของเรียนรู้กลยุทธ์การทำข้อสอบ น้องควรเรียนรู้การจัดการเวลาให้แต่ละข้อ หลีกเลี่ยงการใช้เวลามากเกินไปกับข้อใดข้อหนึ่ง เทคนิคการอ่านและวิเคราะห์อย่างรวดเร็ว และเทคนิคการตัดตัวเลือกคำตอบ หมั่นทบทวนเนื้อหาและฝึกกลยุทธ์อย่างสม่ำเสมอจะทำให้น้องมีความมั่นใจและเพิ่มโอกาสสำหรับการทำคะแนนสูงในข้อสอบ SAT ได้
3.6) เรียนรู้เทคนิคหรือทางลัดในการทำข้อสอบ
สิ่งสำคัญในการทำข้อสอบ SAT คือการจัดสรรเวลาทำข้อสอบในแต่ละข้อ เหตุการณ์ที่น้องทำข้อสอบไม่ทันเวลานั้นเกิดขึ้นหลายครั้งมากเนื่องจากบางครั้งน้องใช้เวลามากเกินไปกับข้อใดข้อหนึ่ง เพื่อให้ทำข้อสอบได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น น้องต้องเรียนรู้เทคนิคการอ่านแบบสแกน การกำจัดตัวเลือกที่ผิด การคำนวณสูตรลัด หรือการเดาคำตอบล่วงหน้า เป็นต้น เทคนิคเหล่านี้ต้องอาศัยการฝึกฝนแต่เมื่อน้องใช้มันอย่างเชี่ยวชาญแล้ว มันจะช่วยให้น้องทำข้อสอบ SAT ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากยิ่งขึ้นแน่นอน
4. ไอเท็มที่ต้องเตรียมและสิ่งที่ต้องเจอในวันสอบ SAT
ในวันสอบมีสิ่งที่ต้องเตรียมไป กับสิ่งที่ควรเตรียมไปอยู่นะ สอบ SAT ต้องใส่ชุดอะไร สอบ SAT ต้องเตรียมอะไรบ้าง เราได้รวบรวมมาให้แล้ว ตามนี้เลย!
สิ่งที่ต้องเตรียมไปสอบในวันสอบ มีดังนี้
- อุปกรณ์การสอบที่ชาร์จแบตมาเต็ม 100% พร้อมติดตั้งแอปพลิเคชัน Bluebook มาอย่างเรียบร้อย
- สายชาร์จแบตอุปกรณ์การสอบ
- หน้ากากอนามัย (ถ้าศูนย์สอบกำหนด)
- บัตรสอบ
- บัตรประจำตัวที่มีรูปถ่าย
- ดินสอหรือปากกา
- เครื่องคิดเลขสำหรับข้อสอบ SAT MATH (ใน Bluebook จะมีเครื่องคิดเลขมาให้อยู่แล้ว)
นอกจากสิ่งที่ต้องเตรียมไปแล้ว ยังมีของเพิ่มเติมที่ก็ควรจะเตรียมไปด้วย มีดังนี้
- นาฬิกาบอกเวลาแบบไม่มีเสียงเตือน (ใน Bluebook จะมีฟังก์ชั่นบอกเวลามาให้อยู่แล้ว)
- สายชาร์จแบตอุปกรณ์การสอบ
- กระเป๋าหรือเป้สะพายหลัง
- เครื่องดื่มหรือของว่างสำหรับช่วงพักเบรค
- อุปกรณ์สำรองสำหรับการสอบ
ประตูห้องสอบจะเปิดตั้งแต่เวลา 07:45 น. ดังนั้นแนะนำให้น้องๆ มาถึงก่อนเวลาเพื่อความสะดวกในการเตรียมตัวก่อนเข้าสอบ การสอบ SAT จะเริ่มระหว่างเวลา 08:15 น. – 08:45 น. สำหรับการแต่งกายนั้น น้องๆ สามารถใส่ชุดไพรเวทแบบปกติที่สุภาพได้ ควรเลือกชุดที่สบายและเหมาะสม เพื่อให้สามารถทำข้อสอบได้อย่างมีสมาธิ
5. ลงคอร์สเตรียมสอบ SAT เพิ่มความมั่นใจ
การลงคอร์สเตรียมสอบ SAT เป็นอีกวิธีที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจและพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับการสอบ หากน้องๆ มีแพลนจะสอบ SAT เราขอแนะนำคอร์สติวสอบ Digital SAT ที่ถูกออกแบบมาครอบคลุมทุกหัวข้อสำคัญและเทคนิคทำข้อสอบที่จะช่วยให้น้องทำคะแนนให้ดีขึ้น
ในคอร์สนี้น้องจะได้ติวเข้มกับครูผู้เชี่ยวกับที่มีประสบการณ์สอน ที่จะช่วยให้น้องเข้าใจเนื้อที่ยากและซับซ้อน และจะคอยสอนเทคนิคพิเศษในการทำข้อสอบได้เร็วและแม่นยำมากขึ้นในแบบที่น้องอาจไม่เคยรู้จากที่ไหนมาก่อน อีกทั้งการมาติว SAT กับเราน้องจะได้โครงสร้างการเรียนรู้และฝึกฝนที่ชัดเจน ครอบคลุมทุกเนื้อหาแบบไม่มีตกหล่น เนื้อหาในคอร์สอัพเดทสำหรับปี 2024! รับรองเลยว่าคอร์สนี้จะไม่เพียงแต่เพิ่มความรู้และเทคนิคที่จำเป็นในการทำข้อสอบเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจให้น้องสามารถทำคะแนนได้ดีที่สุดในวันสอบอย่างแน่นอน
สรุปเกี่ยวกับเตรียมสอบ SAT
การเตรียมตัวสอบ SAT นั้นต้องใช้ความพยายามและการวางแผนอย่างมาก เนื่องจากตัวข้อสอบนั้นค่อนข้างท้าทายและการแข่งขันที่มีการใช้คะแนน SAT นั้นก็ค่อนข้างสูง เราจึงต้องทำให้คะแนน SAT ของเราสูงตามไปด้วย ดังนั้นหากเรามีการเตรียมตัวสอบ SAT อย่างเหมาะสมตามที่ได้บอกไปในบทความนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมสอบ SAT ด้วยตัวเอง กำหนดเป้าหมายคะแนน การสร้างตารางติวสอบ ฝึกทำข้อสอบบ่อยๆ พัฒนาจุดอ่อน รวมไปถึงการเสริมความมั่นใจด้วยการลงคอร์สเตรียมสอบ SAT พี่ๆ รับรองว่าคะแนน SAT ที่น้องต้องการก็จะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน!