TU-GET คืออะไร / ทำไมต้องสอบ TU-GET

Table of Contents

TU-GET ย่อมาจาก Thammasat University Graduate English Test ซึ่งเป็นการทดสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษที่จำเป็นสำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรีและระดับบัณฑิตศึกษาของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

TU-GET Paper Based Test กับแบบ Computer Based Test ต่างกันอย่างไร

TU-GET Paper Based Test จะเป็นการทดสอบกับกระดาษ ส่วนแบบ Computer Based Test จะทดสอบโดยการทำข้อสอบผ่านคอมพิวเตอร์ โดยผลสอบ TU-GET (CBT) สามารถเทียบเคียงกับคะแนนสอบ TOEFL (iBT) บางคณะที่เป็นภาคอินเตอร์ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็รับผลคะแนน TU-GET (CBT) เช่น รอบ Portfoilio ของคณะศิลปศาสตร์ ภาคการสื่อสารภาษาอังกฤษเชิงธุรกิจ (BEC) เป็นต้น แต่โดยส่วนใหญ่แล้วผลคะแนนที่นิยมใช้เป็นเกณฑ์การยื่นคือ TU-GET (Paper Based) ดังนั้นต้องเช็ค Requirement ให้ดีก่อนกว่าคณะที่เราต้องการจะยื่นนั้นใช้ผลคะแนน TU-GET แบบ Paper Based หรือ Computer Based

TU-GET Paper Based ทดสอบอะไรบ้าง

TU-GET แบบ Paper Based Test จะมี 3 Parts ด้วยกัน คือ

● Grammar 25 ข้อ (250 คะแนน)
● Vocabulary 25 ข้อ (250 คะแนน)
● Reading 50 ข้อ (500 คะแนน)
รวมเป็น 1,000 คะแนน

TU-GET Computer Based ทดสอบอะไรบ้าง

TU-GET แบบ Computer Based Test จะมี 4 Parts ด้วยกัน คือ

● Reading 40 ข้อ (30 คะแนน)
● Listening 40 ข้อ (30 คะแนน)
● Speaking 1 ข้อ (30 คะแนน)
● Writing 1 ข้อ (30 คะแนน)
รวมเป็น 120 คะแนน

ผลสอบมีอายุเท่าไหร่

ผลสอบ TU-GET มีอายุ 2 ปี นับจากวันที่สอบ

คะแนน TU-GET ใช้ยื่นอะไรได้บ้าง

คะแนน TU-GET จะสามารถนำไปยื่นประกอบการสมัครหลักสูตรนานาชาติ(อินเตอร์) ในระดับปริญญาตรี, โท และเอกได้ โดยคะแนนขั้นต่ำที่แต่ละหลักสูตรต้องการจะอยู่ที่ 500 ถึง 550 คะแนน ตัวอย่างเช่น

วารสารศาสตร์อินเตอร์(BJM) ต้องการคะแนน TU-GET ขั้นต่ำอยู่ที่ 500 คะแนน ในรอบรับตรงร่วม

รัฐศาสตร์อินเตอร์(BIR) ต้องการคะแนน TU-GET ขั้นต่ำอยู่ที่ 500 คะแนน ในรอบรับตรงร่วม เป็นต้น

มีการจัดสอบบ่อยแค่ไหน

การสอบ TU-GET จะถูกจัดขึ้นเดือนละ 1 ครั้ง สามารถติดตามตารางสอบและลงทะเบียนได้ทาง litu.tu.ac.th